07 ธันวาคม 2557

พญาลิงผู้เสียสละ

การบ้านวิชาภาษาไทย โรงเรียนนวมินทราชินูทิศหอวังนนทบุรี ชั้น ม.1/5

ที่ป่าหิมพานต์ มีลิงฝูงหนึ่งจำนวน 80,000 ตัว อาศัยอยู่ดัวยกันโดยมีพญาลิงตัวหนึ่ง เป็นหัวหน้าพญาลิงมีร่างกายแข็งแรง มีกำลังเท่าช้าง 5 เฃือก

ชาตินั้น พระพุทธเจ้าของเราเกิดเป็นพญาลิงนั้น ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำคงคา มีต้นมะม่วง ใหญ่อยู่ต้นหนึ่งกิ่งใบสมบูรณ์ มีผลใหญ่เท่าหม้อน้ำขนาดใหญ่ พญาลิงมักพาบริวารไปเก็บผล มะม่วงเหล่านั้นกินเสมอ ๆ พวกลิงเก็บผลมะม่วงกินอย่างระมัดระวังโดยไม่ยอมให้มีผลตกลงไป ในแม่น้ำคงคา เพราะเกรงว่าหากมีผลตกลงไปในน้ำแล้วจะลอยไปถึงถิ่นมนุษย์ และจะเป็น อันตรายต่อพวกตนภายหลัง

แต่แล้ววันหนึ่ง ลิงเหล่านั้นก็เกิดพลาดเก็บผลมะม่วงสุกกินไม่หมด เพราะมีรังมดแดง บังไว้ ดังนั้นผลนั้นจึงหล่นไปในน้ำและลอยลงมาทางใต้ ขณะนั้นพระเจ้าพาราณสีทรงเล่นน้ำ ผลปรากฏ ว่าขณะที่ทรงเล่นน้ำอยู่นั้นได้ทอดพระเนตรเห็นผลมะม่วงลอยมาิติดตาข่าย พวกเจ้าหน้าที่จึงได้ นำไปถวายพระเจ้าพาราณสีเพราะเห็นว่ามีผลใหญ่แปลกดี เพราะความที่ผลมะม่วงนั้นใหญ่ผิดปกติ จึงไม่มีใครรู้จักว่าเป็นผลอะไร แม้แต่พระเจ้าพาราณสีเองก็ไม่่ทรงทราบจึงรับสั่งให้ถามพรานป่า

เมื่อทรงได้ทราบว่าเป็นผลมะม่วงสุก จึงทรงพิสูจน์ด้วยการเฉือนแบ่งให้พรานป่าชิมดูก่อน ครั้นทรงเห็นว่ากินได้ไม่เป็นอันตรายจึงเสวยด้วยพระองค์เอง พร้อมทั้งพระราชทานส่วนที่เหลือให้แก่ผู้ตามเสด็จ "อร่อยมากนะ" พระเจ้าพาราณสีตรัสขึ้นพลางหันมาตรัสถามถึงถิ่นกำเนิดของต้นมะม่วงพันธุ์นี้จากพรานป่า "เกิดตามริมฝั่งแม่น้ำคงคาในเขตป่าหิมพานต์ พระเจ้าข้า" พรานป่ากราบทูล

พระเจ้าพาราณสีทรงติดพระทัยในรสมะม่วง ดังนั้นจึงรีบสั่งให้ผูกเรือขนาดหลายลำแล้วพาข้าราชบริพารขึ้นเรือขนาดล่องทวนแม่น้ำคงคาขึ้นไป    เวลาล่วงเลยไปหลายวันจึงถึง บริเวณสถานที่ที่ต้นมะม่วงขึ้นอยู่"ขอเดชะ นี่แหละต้นมะม่วงที่พระองค์ได้เสวยผล" พรานป่า กราบทูล    พระเจ้าพาราณสีทรงดีพระทัยมากจึงรับสั่งให้จอดเรือเทียบฝั่ง แล้วทรงพาข้าราช บริพารเดินไปยังต้นมะม่วง "สบายแล้วพวกเรา" พระเจ้าพาราณสีตรัสขึ้นด้วยความดีพระทัย "สบายอะไรพระเจ้าข้า" อำมาตย์คนสนิททูลถาม "เจ้าไม่เห็นหรือผลมะม่วงมีเยอะแยะ"พระเจ้า พาราณสีตรัสบอก "เก็บกินกันสบายเลยพวกเรา" จากนั้นพระเจ้าพาราณสีทรงรับสั่งให้ปูที่นอ ที่โคนต้นมะม่วง พระองค์ประทับนอนเสวยผลมะม่วงสุกอย่างเอร็ดอร่อย

ฝ่ายพญาลิงมักจะพาบริวารออกมากินมะม่วงสุกต้นนั้นในเวลาเที่ยงคืน เพราะเห็นว่า เป็นช่วงเวลาที่ปลอดภัยเนื่องจากผู้คนพากันหลับหมดแล้ว ส่วนพวกลิงทั้งหลายต่างพากัน ปีนป่ายเก็บผลมะม่วงกินอย่างสนุกสนาน    โดยหารู้ไม่ว่าขณะนั้นกำลังจะมีภัยมาถึงพวกตน พระเจ้าพาราณสีทรงได้ยินเสียงฝูงลิงร้องเจี๊ยกจ๊ากจึงปลุกบรรดาข้าราชบริพารให้ตื่นนอนแล้ว ช่วยกันล้อมจับลิง "พวกเจ้าล้อมไว้ให้ดีนะ อย่าให้มันหนีไปได้ พรุ่งนี้พวกเราจะได้กินมะม่วงกับ เนื้อลิง"พระเจ้าพาราณสีทรงสั่งอย่างเฉียบขาด ฝ่ายฝูงลิงเห็นคนถือธนูมายืนล้อมต้นมะม่วงที่พวกตนปีนป่ายอยู่ก็ตกใจกลัวตาย เมื่อมองไม่เห็นทางจะหนีไปได้ จึงเข้าไปหาพญาลิงซึ่งนั่ง สงบอยู่บนกิ่งไม้ พร้อมทั้งรายงานให้ทราบ "นาย มีคนถือธนูมายืนล้อมต้นมะม่วงของพวกเราไว้ ท่าทางเขาน่ากลัวมากพวกเราจะทำอย่างไรกันดี" พญาลิงเห็นพวกลิงบริวารตกใจกลัว เช่นนั้นจึงปลอบว่า"อย่ากลัวกันไปเลย เราจักให้ชีวิตพวกเจ้า "ครั้นปลอบโยนบริวารให้เบาใจ แล้วพญาลิงก็หาทางช่วยในที่สุดก็พบว่ามีอยู่ทางเดียวเท่านั้น คือ ต้องให้บริวารไต่หนีไปอยู่ที่ ต้นไม้อื่นซึ่งอยู่คนละฝั่งน้ำ พญาลิงสำรวจดูแล้วเห็นว่าการจะไปยังต้นไม้ต้นอื่นได้นั้นต้องไต่ ไปตามเถาวัลย์ ดังนั้นพญาลิงจึงเอาเถาวัลย์ผูกเข้ากับต้นมะม่วงที่พวกตนอยู่ แล้วเอาปลาย์เถาวัลยอีกข้างหนึ่งผูกเอวของตนกระโดดไปที่ต้นไม้อีกฟากหนึ่ง ผลปรากฏว่าเถาวัลย์สั้นไม่ สามารถผูกติดกับกิ่งต้นมะม่วงอีกฟากหนึ่งได้จึงใช้มือสองข้างเหนี่ยวต้นมะม่วงนั้นไว้   แล้วบอกให้ลิงบริวารไต่เถาวัลย์มา ครั้นมาถึงตรงที่ลิงโหนอยู่ พวกลิงบริวารไม่กล้าเดินไปเพราะกลัวจะเป็นบาปแต่พญาลิงก็สั่งให้เดินต่อไปเพื่อเอาชีวิตรอดไว้ก่อน ลิงบริวารต่างพากันคำนับพญาลิงแล้วเดินเหยียบตัวพญาลิงไป

พระจ้าพาราณสีทอดพระเนตรเห็นการกระทำของลิงทั้งหมด พระองค์รู้สึกแปลกพระทัยยิ่งมาเห็นลิงตัวสุดท้ายซึ่งเป็นลิงกักขฬะหยาบคายแล้วรู้สึกสะเทือนพระทัย กล่าวคือ ลิงตัวนั้นไม่ชอบพญาลิงเพราะมันต้องการความเป็นใหญ่ มันหาทางแก้แค้นอยู่ตลอดเวลา จนวันนี้จึงได้โอกาสมันไต่ตามเถาวัลย์มาเช่นเดียวกับลิงตัวอื่น ๆ แต่ครั้นมาถึงที่พญาลิงเหนี่ยวกิ่งไม้ไว้แทนที่มันจะค่อย ๆ เหยียบตัวพญาลิงไป มันกลับกระโดดทืบเข้าเต็มแรงด้วยความแค้น แล้วเดินเหยียบไป พญาลิงเจ็บปวดมาก แต่ก็สู้อดทนเพื่อช่วยเหลือบริวาร

พระเจ้าพาราณสีทอดพระเนตรเห็นแล้วรู้สึกสะเทือนพระทัยมาก ทรงรำพึงว่า "ลิงนี้เป็นสัตว์เดรัจฉานแท้ ๆ ยังยอมสละชีวิตของตนเองช่วยเหลือบริวารให้ปลอดภัย" พระองค์ทรงคิดได้ว่าพระองค์ไม่ควรทำลายชีวิตพญาลิง แต่ควรหาทางช่วยเหลือให้ปลอดภัย ดังนั้นจึงรับสั่งให้ผูกนั่งร้านแล้วให้เจ้าหน้าที่ปีนขึ้นไปแล้วค่อย ๆ ประคองพญาลิงลงมา "พวกเจ้าค่อย ๆ ประคองนะ ลิงเจ็บ" พระองค์ตรัสบอกด้วยความสงสารแล้วให้อุ้มมานอนบนผ้า จากนั้นรับสั่งให้อาบน้ำให้ลิง แล้วรับสั่งให้เอาน้ำผสมน้ำอ้อยมาให้ดื่ม พญาลิงค่อย ๆ ขยับตัวได้บ้าง พระเจ้าพาราณสีทอดพระเนตรเห็นแล้วดีพระทัยมากจึงรับสั่งต่อว่า "พวกเจ้าจงเอาน้ำมันมานวดตัวให้ลิงด้วย" เมื่อพวกเจ้าหน้าที่ดูแลพญาลิงเป็นอย่างดีแล้ว พระเจ้าพาราณสีก็เสด็จมาประทับนั่งลงใกล้ ๆ แล้วตรัสถาม "พญาลิง ท่านยอดทอดตัวเป็นสะพานให้ลิงทั้งหลายเหยียบข้าม ลิงเหล่านั้นเป็นอะไรกับท่านท่านเป็นอะไรกับลิงเหล่านั้น" พญาลิงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองดูพระเจ้าพาราณสีแล้วกราบทูลว่า "ขอเดชะลิงเหล่านั้นกำลังโศกเศร้าเพราะกลัวตาย หม่อมฉันเป็นผู้นำของพวกเขาจะปล่อยให้เขาตายไม่ได้" "กลัวตายเรื่องอะไรหรือ" "เรื่องที่พระองค์ให้คนถือธนูมายืนล้อมเพื่อยิงพวกเขานั้นแหละ หม่อมฉันเห็นว่าพวกเขามีภัยแน่ จึงหาทางช่วยเหลือ เพราะหม่อมฉันถือว่า เราปกครองคนเหล่าใดก็ต้องทำให้พวกเขามีความสุขและสบายใจ" พญาลิงพูดถึงตรงนี้แล้วก็เว้นระยะไว้นิดหนึ่ง จากนั้นจึงพูดต่อ "พระองค์ก็เช่นกัน ในฐานะผู้ปกครองก็ต้องทำให้ผู้อยู่ใต้ปกครองมีความสุข"

กล่าวจบ พญาลิงก็ไม่สามารถจะทนความเจ็บปวดไหว จึงขาดใจตายในเวลาต่อมา พระเจ้าพาราณสีทรงรับสั่งให้จัดการเผาศพอย่างสมเกียรติแล้วนำกระดูกไปบรรจุในเจดีย์ที่ทรงรับสั่งให้สร้าง พระองค์ทรงบูชากระดูกพญาลิงตลอดชีวิ

ชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

ผู้นำที่ดีควรเสียสละและอดทน มิใช่แต่เฉพาะแก่บริวาร ที่ดีเท่านั้นแม้บริวารที่ไม่ดี เขาก็ควรเสียสละและอดทนด้วย เหมือนพญาลิงเสียสละและอดทนยอมให้บริวารที่ไม่ดีรอดชีวิตเพราะตน ฉันนั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น